โอกินาว่า : รู้แค่ว่าเป็นเกาะ 2

OKINAWA
โอกินาว่า รู้แค่ว่าเป็นเกาะ (2)

ตื่นเช้ากว่าใคร สวมรองเท้าปุ๊บวิ่งย้อนๆ ไป Lawson กดกาแฟมาหนึ่งแก้ว ได้เวลาชมเมืองแถวนี้แล้ว เดินๆ วิ่งๆ ไปเรื่อยๆ ตามทาง กด Strava ไว้ มองเห็นถนนทอดยาวไม่ค่อยมียานพาหนะ มีแต่นักปั่นหลายกรุ๊ปที่ทยอยปั่นขึ้นเหนือกันไป ลัดเลาะไปตรงสี่แยกแถวที่พัก นั่นไปรษณีย์นี่นา! เยี่ยมเลย ตั้งใจจะส่งโปสการ์ดอยู่แล้ว เพราะเอาจริงๆ ยังไม่เคยส่งกลับไทยเลยเวลาไปต่างประเทศ ได้การล่ะ ก็เดินๆ เหมือนจะเป็นทางไปชายทะเลหรือขึ้นเขาอะไรสักอย่าง เห็นเด็กวัยรุ่นสัก ม.ต้น - ม.ปลาย ในชุดนักกีฬาพากันมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน ทุกคนหันมาค้อมศรีษะให้เราพร้อมกล่าว “โกไซอิมัส” ดูน่ารักมากๆ คงเป็นวิถีของเขา
เดินอยู่ร่วมชั่วโมง กลับดีกว่า เพราะพี่ๆ คงตื่นอาบน้ำกันหมดแล้ว เป็นเช่นนั้นจริงๆ กลับถึงบ้านรีบอาบน้ำเก็บกระเป๋า เพราะวันนี้เราจะเที่ยวต่อและย้ายกลับไปนอนในเมือง ก่อนออกบ้านปั่นโปสการ์ดเสร็จ 2 ใบ บอกพี่เขาไปว่าเดี๋ยวไปส่งก่อนเจอไปรษณีย์แล้ว เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านสะดวกซื้ออีกแห่งเพื่อทานมื้อเช้า ถึงไปรษณีย์เจอพนักงานบอก “วันนี้วันเสาร์ครับ ปิด ให้ไปซื้อแสตมป์ที่ Lawson 70 เยน แล้วก็ไปส่งตามตู้เอา” “โอเคๆ อะริงาโตะ โกไซอิมัส” วิ่งกลับมากินข้าวกับพี่ๆ เขาก่อนเดินทางต่อ




เช้านี้เราเริ่มที่ซากปราสาทเก่าชื่อ ‘นาคิจิน (Nakijin)’ ไปถึงก็กินกาแฟกันก่อนจะซื้อบัตรเข้าชม ราคาเท่าไหร่ไม่รู้ พี่ใหม่จ่าย ประวัติเป็นยังไงไม่รู้เหมือนกัน อยากรู้กูเกิลมีบอก รู้แต่ว่าเก่า และเมื่อมองจากบนนี้จะเห็นท้องทะเลกว้างเกือบ 180 องศา ก็คงเอาไว้ส่องดูเรือรบเรืออะไรต่างๆ ในยุคนั้นนั่นล่ะ เดินอยู่เกือบชั่วโมงออกมาก็เจอพิพิธภัณฑ์รวบรวมที่มาของชุมชนแถบๆ นั้น ทั้งข้าวของเครื่องใช้ในวิถีชีวิตแบบเก่า ภาพถ่ายโบราณที่บอกเล่าประวัติของชุมชน แม้จะเป็นชุมชนเล็กๆ แต่ทุกที่ก็มีเรื่องเล่าเสมอๆ บ้านเราน่าจะเอามาทำบ้าง แค่สร้างเรื่องเล่ารวบรวมอะไรพวกนี้มาจัดแสดงให้มีระบบก็ขายได้ และยังช่วยหาเงินเข้าชุมชนได้ด้วย


ออกจากตรงนี้พี่ใหม่พาขับๆ ไป บอกว่าเดี๋ยวจะแวะหาดทรายอันซีน คือไม่ค่อยมีใครรู้ว่ามีหาดสวยๆ ตรงนี้ ก็ยังงงว่าพี่เขารู้ได้ยังไง ขับผ่านสุสานเข้ามาจนสุดก็เจอเลย หาดสวย น้ำใส เงียบสงบ ไร้นักท่องเที่ยว เห็นมีอยู่ 2 คนไกลๆ ที่เหลือมีแต่กรุ๊ปเรา ลมเย็นดี ไร้แดด เกินกว่าจะห้ามใจไปหยิบกีตาร์มานั่งเล่นดีกว่า ทุกคนเห็นตรงกันว่าบรรยากาศมันดีเสียเหลือเกิน ดีเกินกว่าจะรีบไปไหนต่อ เลยออกมานั่งมายืนพักกันดีกว่า พี่จอห์นกลับไปที่รถ หยิบจิมบีมเกือบเต็มขวดออกมานั่งจิบกันเพียวๆ กันตั้งแต่ 11 โมงเช้า ร้องเพลงกันไปอยู่เกือบชั่วโมงได้จึงเดินทางต่อ ไปแวะร้านขายของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์ต่อยอดจากของดีประจำเกาะ นั่นคือ มันม่วง เจ้าเก่านั่นเอง มีขนมหลากหลายยี่ห้อหลายประเภทที่ทำมาจากไอ้มันม่วงเนี่ยขายเต็มไปหมดเลย ก็เลือกซื้อกันตามอัธยาศัย หมดเงินกันไปเยอะเลย ข้าพเจ้าเองก็แอบมีของฝากกับเขาเช่นกัน
ช่วงเย็นก่อนกลับเข้าตัวเมืองนาฮะ พี่ใหม่บอกว่าเดี๋ยวเราไปแวะโรงผลิตเบียร์ ‘โอไรอ้อน (Orion)’ เป็นเบียร์อีกยี่ห้อดังของญี่ปุ่น โดยถือกำเนิดที่โอกินาว่านี่แหล่ะ โดยเราจะไปเดินเที่ยวชมโรงงานกัน พี่ใหม่บอกว่าตอนจบเขามีเบียร์ให้กินด้วย ประเสริฐที่สุด นี่เราจะกินแอลกอฮอล์กันทั้งวันจริงๆ ใช่ไหม? เบียร์โอไรอ้อนอันมีสัญลักษณ์เป็นดาว 3 ดวง นั้นก็มาจากดาว 3 ดวงเรียงตัวกันของกลุ่มดาวนายพรานที่ชื่อโอไรอ้อนในตำนานกรีก หรือถ้าของไทยเรา ดาว 3 ดวงนี้ก็คือดาวไถนั่นเอง เรียกว่าเบียร์ดาวไถก็ได้ 555 อันนี้มั่วเองครับ
ถึงโรงงานติดต่อเจ้าหน้าที่ปุ๊บก็ต้องรออยู่ 20 นาที เพราะเขาจะมีไกด์นำทางบรรยายนั่นนี่ บางรอบจะมีภาษาอังกฤษ บางรอบก็ญี่ปุ่นล้วนเช่นรอบของเรา ระหว่างรอก็มีวิดีโอโฆษณาเก่าๆ ของเบียร์โอไรอ้อนที่ออกอากาศตั้งแต่ยังเป็นโทรทัศน์ขาวดำให้ชม มีร้านชำเล็กๆ โบราณที่จำลองเอาไว้ให้เห็นบรรยากาศเก่าๆ เมื่อถึงคิวของพวกเรา ไกด์สาวก็พาเดินดูการผลิตเบียร์ตั้งแต่เป็นมอลต์ เป็นฮอปส์ กระบวนการหมัก ไปจนจบกระบวนการบรรจุขวด กระป๋อง ถัง อะไรก็ว่าไป โดยในแต่ล่ะกระบวนการก็มีกระจกใสให้เรามองไปข้างในได้เห็นเครื่องจักรที่กำลังทำงาน แต่เพราะเป็นวันเสาร์โรงงานหยุดก็เลยเห็นแต่เครื่องจักรนิ่งๆ ตอนท้ายๆ ก็มี CSR กันหน่อยว่าโรงงานนี้รักสิ่งแวดล้อมนั่นนี่ มีการนำอะไรมารีไซเคิลบ้าง โรงงานนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขาและป่าไม้สวยงาม ไปจนจบที่บาร์ด้านล่าง แจกเบียร์สดฟรีคนละ 2 แก้ว นี่แหล่ะที่รอคอย พอจะออกจากตรงนี้ก็จะผ่านร้านของที่ระลึกมากมายตามสไตล์ญี่ปุ่น คือพาชมเรื่องราวต่างๆ จนอิน สุดท้ายก็เชิญเลือกซื้อของกันเถิด ที่นี่หนักเข้าไปอีกเพราะมอมด้วยเบียร์ไป 2 แก้ว อาจจะทำให้คนควักตังค์ซื้อของง่ายขึ้น โชคดีที่ใช้ไม่ได้กับข้าพเจ้า เพราะไม่มีตังค์


ออกมาก็เริ่มค่ำแล้ว พวกเรามุ่งหน้าเข้าเมือง ใช้เวลาไปอีกชั่วโมงนิดๆ ถึงที่พักใจกลางเมือง ขนข้าวของขึ้นเก็บ เป็นห้องเดี่ยว มีเตียง 2 ชั้น 1 เตียงที่เหลือเป็นฟูกปูพื้นอีก 4 จัดการล้างหน้าล้างตากันเสร็จ โอเค ตะลุยเมืองกัน พี่ใหม่ยุแยงว่า เอากีตาร์ออกไปด้วยเลย หาที่เปิดหมวก แวะกินบะหมี่กันคนละถ้วยก่อนทุกคนจะทิ้งไป เหลือข้าพเจ้ายืนร้องเพลงเหงาๆ อยู่ข้างทาง ไม่มีเครื่องขยายเสียงก็เสียเปรียบตรงนี้ล่ะ เพราะเสียงรถเสียงอะไรดังกลบไปหมด ได้เหรียญ 100 เยน 10 เยนบ้างประปรายพอแก้เหงา ก็คิดว่าน่าจะพอแล้วล่ะ ไปหาเบียร์กินต่อดีกว่า อยู่ดีๆ ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งมานั่งตรงหน้าปรบมือชอบใจใหญ่ เล่นไปอีก 2 เพลงคุณแม่ก็เอาใบ 1,000 เยนมาหย่อน ฮึกเหิมสิทีนี้ เล่นเข้าไปอีก เอาเพลงที่เล่นไปตอนแรกกลับมาเล่นอีก 555 เพราะไม่มีใครจำได้หรอก สักพักคุณพ่อตามมานั่งสมทบ ก่อนคุณแม่กระซิบบอกเราว่าเล่น Happy Birthday ให้พ่อหน่อย เอ้า ได้สิครับ เล่นจบพ่อให้มาอีก 1,000 สบายใจละกู ยืนต่ออีก 3-4 เพลง นับดู 2,800 เยน พอแล้วเดินย้อนกลับไปหาพี่ๆ ก่อนจะไปนั่งดื่มกินกันอีกสักพักแล้วก็เดินกลับที่พัก ก่อนกลับแวะลอว์สันซื้อเครื่องดื่มอีกเอากลับไปกินที่พัก สรุปวันนี้นี่ดื่มตั้งแต่ 11 โมงยันตี 2 เลยเหรอวะเนี่ย บ้าไปแล้ว แต่ก็ดี ทำให้หลับสบายไปอย่างง่ายดาย